• Green IT หรือ การนำ IT มาแก้ไขปัญหาโลกร้อย โดยช่วยประหยัดพลังงาน ลดมลภาวะที่เป็นพิษ สร้างสภาวะแวดล้อมโลกให้ดีขึ้น
  • Unified Communication (UC) หรือ การรวมทุกระบบของการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นสื่อ อุปกรณ์ และซอฟต์แวร์ทุกประเภทเข้าไว้ในสภาพแวดล้อมเดียวกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการติดต่อสื่อสาร
  • Business Process Modeling หรือ รูปแบบการบริหารจัดการกระบวนการธุรกิจ ซึ่งมุ่งเน้นในเรื่องการนำสถาปัตยกรรมการบริการ (SOA) มาใช้
  • MetaData Management หรือ การบริหารจัดการคำอธิบายข้อมูล โดยมุ่งเน้นเรื่องการกำหนดคำนิยามและนโยบายในการจัดการ
  • Virtualization 2.0 หรือ โลกเสมือนซึ่งนำเอาจุดเด่นของ Web 2.0 และ Blade System มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการทรัพยากร (HW และ SW) และการบริการ
  • Mashups & composite apps หรือ การดึงและการประกอบจากหลาย ๆ ส่วนของโปรแกรมประยุกต์มารวมไว้ที่เดียว
  • Web Services & WOA (Web Oriented Architecture) – SaaS (Software as a Service) หรือ การนำเทคโนโลยี Web Services หรือ การสร้างการบริการที่สามารถเข้าถึงได้โดยผ่านทางเว็บไซต์ มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของงานการบริการต่าง ๆ
  • Computing Fabric หรือ การมองภาพการประมวลผลในลักษณะของระบบเสมือนขนาดใหญ่ เป็นวิวัฒนาการของการออกแบบอุปกรณ์เครื่องแม่ข่ายให้สามารถบริหารจัดการและแบ่งปันทรัพยากรร่วมกันได้ เช่น สามารถมีระบบปฏิบัติการ หรือ OS (Operating System) หลายตัววิ่งอยู่บนอุปกรณ์เดียวกัน เป็นต้น
  • Real World Web หรือ ที่ซึ่งมีการนำสารสนเทศจากเว็บไซต์ต่าง ๆ มากลั่นกรองและประมวลผลเพื่อให้สามารถตอบสนองได้ตรงกับความต้องการในการใช้งานตามความเป็นจริง ณ สถานที่ และเวลานั้น ๆ
  • Social Software หรือ ซอฟต์แวร์เพื่อสังคม คือการนำเทคโนโลยี Web 2.0 มาประยุกต์ใช้ในการติดต่อสื่อสาร บริหารจัดการ และแบ่งปันสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการขององค์กร
  •  

  • Multicore and hybrid processors หรือ โปรเซสเซอร์ที่มีการประมวลผลแบบหลายแกน และมีการเชื่อมต่อแบบผสม
  • Virtualisation and fabric computing  หรือ ลักษณะการประมวลผลแบบระบบเสมือนที่ทำให้สามารถใช้ประสิทธิภาพในการคำนวณแบบไม่จำกัดอยู่แค่ขีดความสามารถของอุปกรณ์ เนื่องจากมีการแบ่งปันและบริหารจัดการทรัพยากรให้สามารถนำมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • Social networks and social software หรือ เครือข่ายและซอฟต์แวร์ที่เปิดโอกาสให้สามารถพบปะ และแลกเปลี่ยนสารสนเทศระหว่างกัน
  • Cloud computing and cloud/Web platforms หรือ การประมวลผลสารสนเทศบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
  • Web mashups หรือ การดีงข้อมูลจาก Web หลาย ๆ ที่มาผสมผสานไว้ที่เรา
  • User Interface หรือ ส่วนติดต่อกับผู้ใช้แบบกราฟิก
  • Ubiquitous computing หรือ การประมวลผลแบบไร้ขอบเขต ไม่จำกัดชนิด รูปแบบ หรือประเภทอุปกรณ์ และไม่จำกัดตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์ และไม่จำกัดเวลา
  • Contextual computing หรือ การประมวลผลเพื่อให้เกิดความเข้าใจในความหมาย การสื่อความ และความต้องการของบริบทนั้น ๆ
  • Augmented reality หรือ เทคนิคการประมวลผลแบบเสมือนจริง
  • Semantics หรือ การสื่อความหมายของบริบทหรือคำหรือข้อความหรือภาษา

สำหรับการพัฒนาระบบสารสนเทศ ในอนาคตแนวโน้มมุ่งไปสู่การพัฒนาระบบสารสนเทศให้อยู่ในรูปแบบของเว็บเบสแอปปลิเคชั่น (Web-based Application) และมุ่งเน้นให้มีการดำเนินการภายใต้แนวคิดของการใช้ เอสโอเอ (SOA : Service-Oriented Architecture) หรือ สถาปัตยกรรมการบริการ

เอสโอเอเป็นมาตรฐานของสถาปัตยกรรมสำหรับการพัฒนาแอปปลิเคชั่น ให้มีลักษณะการทำงานในลักษณะของการบริการที่มีความเป็นอิสระต่อกัน สามารถเป็นทั้งผู้ให้บริการแก่แอปปลิเคชั่นตัวอื่น ๆ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานในแอปปลิเคชั่น ให้แอปปลิเคชั่นนั้น ๆ สามารถทำงานได้ครบขั้นตอนกระบวนการทำงานที่ต้องการ หรือ เป็นผู้ไปเรียกใช้บริการจากแอปปลิเคชั่นตัวอื่น ๆ เพื่อให้ตัวเองสามารถทำงานได้ครบตามขั้นตอนกระบวนการทำงาน ดังนั้นเมื่อมีการปรับเปลี่ยนการทำงานใด ๆ ก็แค่แก้ไขที่บริการนั้น ๆ ไม่จำเป็นต้องแก้ไขแอปปลิเคชั่นทั้งหมด

สำหรับการติดต่อสื่อสารนั้นสามารถเชื่อมต่อหรือคุยกับใครก็ได้โดยไม่ขึ้นอยู่กับภาษา แพลตฟอร์ม และระบบปฏิบัติการใด ๆ เนื่องจากมีการใช้อินเตอร์เฟส (interface) ที่เป็นมาตรฐาน โดยใช้เทคโนโลยีเว็บเซอร์วิส (Web Service) ในการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูล ซึ่งข้อมูลที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนกันนั้นอยู่ในรูปแบบตามมาตรฐาน XML ซึ่งถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลในระดับเอกสาร (เท็กซ์ หรือ text) ไม่ลงลึกถึงระดับฐานข้อมูล (ดาต้าเบส หรือ Database)

สำหรับการที่จะทำให้ทราบว่ามีบริการใด จำนวนเท่าไหร่ที่สามารถเรียกใช้บริการได้นั้นสามารถทำได้โดยการค้นหาบริการที่ต้องการจากเซอร์วิส ไดเร็กทอรี่ (Service directory)

“ขอสงวนสิทธิสำหรับพนักงาน วว. เท่านั้นค่ะ”

หลักสูตรการพัฒนาเว็บไซต์ โดยใช้ CMS ที่ชื่อ Joomla นั้นประกอบด้วยบทเรียน 3 ระดับ คือ

1. Joomla! Tunner สำหรับการจัดการ บริหารข้อมูลเว็บไซต์ และการปรับแต่ง Joomla CMS -> คลิกที่นี่เพื่อเข้าสู่บทเรียน

2. Joomla! Template Design สำหรับการออกแบบเทมเพลทสำหรับการใช้งานกับระบบ Joomla CMS -> คลิกที่นี่เพื่อเข้าสู่บทเรียน

3. Joomla! Advance for Intranet Solution สำหรับการปรับแต่งระบบการทำงาน Joomla CMS ขั้นสูง -> คลิกที่นี่เพื่อเข้าสู่บทเรียน

จัดทำคู่มือและหลักสูตรโดย บริษัท ดิจิตอลนัมเบอร์วันจำกัด

เป็นหลักสูตรที่แนะนำการนำเอา OpenOffice.Org ซึ่งเป็นชุดโปรแกรม Open Source Software ที่ทำงานทางด้านสำนักงานเหมือนชุดโปรแกรม Microsoft Office โดยบทเรียนประกอบด้วยการใช้ Writer ซึ่งทำงานเหมือน Word, Impress ซึ่งทำงานเหมือน PowerPoint, Calc ซึ่งทำงานเหมือน Excel, Math และ Base ซึ่งทำงานเหมือน Access คลิกที่นี่เพื่อเข้าสู่หลักสูตร

จัดทำโดย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC)

วิธีพิสูจน์ตนด้วยเทคโนโลยีไบโอเมตริกสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ แบบที่ตรวจสอบจากลักษณะทางกายภาพกับการตรวจสอบจากพฤติกรรม สำหรับการตรวจสอบจากลักษณะทางกายภาพนั้นจะดูจากของอวัยวะของร่างกายอย่างเช่น ลายนิ้วมือ ม่านตา เรติน่า รวมทั้งหน้าตาและลายมือด้วย ส่วนการตรวจสอบจากพฤติกรรมนั้นจะประกอบด้วยรูปแบบการกดคีย์บอร์ด ลายเซ็น และเสียง

ลักษณะการทำงานของระบบไบโอเมตริกนั้นคือ ตัวเซ็นเซอร์จะอ่านข้อมูลดิจิตอลเกี่ยวกับไบโอเมตริกเข้ามา เช่น รูปร่างของมือของผู้ใช้ จากนั้นข้อมูลจากเซ็นเซอร์ก็จะได้รับการประมวลผลและมีการดึงเอาคุณลักษณะพิเศษที่ไม่เหมือนกันของแต่ละคนออกมา เช่น ขนาดของนิ้วและมือ จากนั้นข้อมูลเกี่ยวกับคุณลักษณะพิเศษนี้จะถูกใช้ในการสร้างเทมเพลต ซึ่งเป็นการสังเคราะห์ข้อมูลชิ้นใหม่ เพื่อใช้แทนตัวลายนิ้วมือจริงๆ ที่อ่านได้จากเซ็นเซอร์ จากนั้น การพิสูจน์ตนก็จะเปรียบเทียบเทมเพลตที่สร้างขึ้นมาใหม่นี้กับไฟล์ที่มีอยู่แล้ว

เนื่องจากพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 องค์กรจำเป็นต้องจัดหาอุปกรณ์หรือหาผู้ให้บริการ เพื่อทำการจัดเก็บข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์หรือ Log ตามเงื่อนไขที่ พ.ร.บ. กำหนด

เทคโนโลยีการวิเคราะห์ Log ที่ชื่อว่า SIEM หรือ Security Information and Event Management เป็นเทคโนโลยีวิเคราะห์ Log จากอุปกรณ์ไอทีต่างๆ ในองค์กรเพื่อให้เห็นสัญญานของการบุกรุกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น แฮกเกอร์ ไวรัสคอมพิวเตอร์ และอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่อาจจะคุมคามระบบเครือข่ายขององค์กร โดยจะวิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลในรูปแบบรายงาน เพื่อให้ผู้บริหารระบบไอทีรับรู้ถึงปัญหาด้านความปลอดภัยอย่างทันท่วงที

โดยระบบ SIEM จะประกอบไปด้วย Log Consolidation ซึ่งจะจัดเก็บรวบรวม Log จากอุปกรณ์ทุกชนิดใรนะบบเครือข่ายไว้ที่ศูนย์กลาง Threat Correction เป็นระบบตรวจสอบและวิเคราะห์ Log ต่างๆ เพื่อตรวจหาการโจมตีแบบเรียลไทม์ Incident Management ระบบที่คอยจัดการว่า เมื่อตรวจพบภัยคุกคามแล้วจะทำอะไรต่อไป