ว่านหางจระเข้
ชื่อวิทยาศาสตร์ : | Aloe Barbadensis Mill. A. indica Royle. A. vera Linn. |
วงศ์ : | Liliaceae |
ชื่ออังกฤษ : | Aloe, Star cactus, Aloin, Jafferabad, Barbados |
ชื่อท้องถิ่น : | ว่านไฟไหม้ (ภาคเหนือ) หางตะเข้ (ภาคกลาง) |
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
ไม้ล้มลุกอายุหลายปี สูง 0.5-1 เมตร ข้อและปล้องสั้น ใบ เป็นใบเดี่ยวเรียงรอบต้น กว้าง 5-12 ซม. ยาว 30-80 ซม. อวบน้ำมาก สีเขียวอ่อนหรือสีเขียวเข้ม ภายในมีวุ้นใส ใต้ผิวสีเขียวมีน้ำยางสีเหลือง ใบอ่อนมีประสีขาว ดอก เป็นดอกช่อ ออกจากกลางต้น ดอกย่อยเป็นหลอดห้อยลงสีส้ม บานจากล่างขึ้นบน ผล เป็นผลแห้ง แตกได้
ส่วนที่ใช้และสรรพคุณ :
ตำรายาไทยใช้ น้ำยางสีเหลืองจากใบ เคี่ยวให้แห้ง เรียกว่า ยาดำ เป็นยาระบาย โดยใช้ประมาณ 0.25 กรัม
วุ้นสดจากใบ เมื่อล้างยางออกแล้ว รับประทานวันละ 2 ครั้ง ๆ ละ 2 ช้อนโต๊ะ ช่วยแก้กระเพาะลำไส้อักเสบได้ เมื่อถูกไฟไหม้ น้ำร้อนลวกหรือแผลถลอก ใช้วุ้นสดทาหรือแปะแผลให้เปียกอยู่ตลอดเวลา 2 วันแรก จะบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนแผลจะหายเร็ว และเมื่อนำวุ้นทาผิวก่อนออกแดด จะช่วยป้องกันถูกแดดเผาและป้องกันผิวแห้ง วุ้นสดจากใบยังสามารถนำมาใช้ชะโลมบนเส้นผม จะทำให้ผมดกเป็นเงางาม บำรุงรากผม รักษาแผลบนหนังศีรษะ
สารสำคัญ :
ในยางมี แอนทราควิโนน ในวุ้นมี กลัยโคโปรตีน aloctin A สลายตัวง่ายเมื่อถูกความร้อน
ข้อควรระวัง :
- การใช้ว่านหางจระเข้เป็นเวลานาน ๆ ติดต่อกัน ทั้งโดยการรับประทานหรือใช้ภายนอก อาจเกิดอาการแพ้เป็นผื่นคันได้ จึงไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นนาน ๆ
- สารในวุ้นของว่านหางจระเข้สลายตัวได้ง่ายและรวดเร็ว จึงควรเก็บไว้ในตู้เย็น หรือเตรียมใหม่สด ๆ ก่อนใช้
Leave a Reply