3G และ 4G เทคโนโลยีใหม่มาแรง
ยุค 1G (ปี 1981)
โทรศัพท์เป็นแบบเซลลูล่าอันใหญ่ๆ ใช้สัญญาณอนาลอก หรือสัญญาณคลื่นวิทยุ เป็นการใช้โทรศัพท์เพื่อพูดคุยได้อย่างเดียว
ยุค 2G (ปี 1992)
โทรศัพท์เป็นแบบใช้ระบบดิจิตอล คือการนำสัญญาณเสียงมาบีบอัดให้เล็กลงจนเป็นสัญญาณอิเล็กโทรนิค
โทรศัพท์ก็สามารถถ่ายรูปได้ ส่งข้อความได้ ส่งอีเมล์ได้ แต่ยังติดขัดอยู่ในเรื่องของสัญญาณที่ติดๆ ขัดๆ เวลาเคลื่อนไหว
ยุค 3G (ปี 2001)
ระบบโทรศัพท์ถูกพัฒนาขึ้นอีกขั้นหนึ่ง เพื่อให้สามารถทำให้การพูดคุยแบบเห็นหน้ากันได้
นั่นคือระบบมีความสามารถในการเชื่อมต่อรับส่งข้อมูลภาพเคลื่อนไหวและเสียงได้พร้อมๆกันตลอดเวลาด้วยความเร็วที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ยังช่วยทำให้เราสามารถดาวน์โหลดข้อมูลต่างๆที่ใช้พื้นที่ในการเก็บข้อมูลมากๆบนเครือข่ายอินเตอร์เนตได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น
การคิดราคาจึงคิดตามอัตราการโหลดข้อมูล
ซึ่งในยุคนี้ ซอฟท์แวร์ จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในโทรศัพท์
นั่นคือ โทรศัพท์จะสามารถส่งสัญญาณควบคุมสิ่งของที่บ้านได้ เช่น ส่งให้เปิดปิดตู้เย็น เปิดปิดหม้อหุงข้าว เป็นต้น
ยุค 4G
เป็นยุคของเครือข่ายไร้สายความเร็วสูงชนิดพิเศษ ที่ใช้เทคโนโลยี LTE หรือ Long Term Evolution
เป็นยุคที่การเข้าถึงข้อมูลสามารถทำได้ในลักษณะที่เป็นสากล และมีความสามารถในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์รูปแบบต่างๆ ได้มากขึ้น
เป็นยุคที่รองรับการเชื่อมต่อเสมือนจริงในรูปแบบสามมิติ (three-dimensional) ระหว่างผู้ใช้โทรศัพท์ด้วยกันเอง
เครือข่ายมีความสามารถส่งผ่านข้อมูลแบบไร้สายในระดับความเร็วสูงที่เพิ่มขึ้น ตั้งแต่ 100 Mbps – 1024 Mbps (1Gbps) ซึ่งเร็วกว่า 3G เดิมถึง 7 เท่า ส่งผลให้
- สามารถใช้งานมัลติมีเดียที่ดีขึ้น
- สามารถรับส่งข้อมูลในรูปแบบภาพเคลื่อนไหวที่ไหลลื่นกว่า
- สามารถถ่ายทอดสดแบบ Live Broadcast
- สามารถรับส่งข้อมูลในลักษณะ Realtime
- สามารถประชุมทางไกลแบบ Interactive ที่ช่วยให้โต้ตอบแบบทันที
เพียงแค่มี Aircard 4G และ Wifi Adaptor ก็สามารถแชร์สัญญาณ 4G ให้กับอุปกรณ์ที่รองรับสัญญาณ Wifi ให้สามารถใช้งานพร้อมกันได้
Leave a Reply