การผลิตน้ำมะขามพร้อมดื่ม
มะขามเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญสำหรับประเทศไทย โดย มะขามหวานและมะขามเปรี้ยว สามารถทำรายได้ให้กับเกษตรกรสูงโดยเฉพาะมะขามหวาน
มะขามส่วนใหญ่มีคุณค่าทางโภชนาการ ด้านอาหารและยา โดยมะขามมีประโยชน์ด้านแคลเซียม ฟอสฟอรัส (ซึ่งช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ) เบต้า แคโรทีน (ซึ่งช่วยบำรุงสายตา) และวิตามิน ซี (ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคแก่ร่างกาย) นอกจากนี้ เนื้อมะขามยังมีสารประเภทกรดอินทรีย์ (กรดทาร์ทาร์ลิค กรดมาลิค กรดซิตริก) ซึ่งความเปรี้ยวของกรด มีฤทธิ์เป็นยาระบาย ช่วยลดความร้อนภายในร่างกาย แก้ร้อนใน และขับเสมหะ
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์มะขามเปรี้ยว เป็นน้ำมะขามพร้อมดื่ม ซึ่งมีลักษณะใสและมีรสชาติหวานอมเปรี้ยวเหมือนธรรมชาติ ช่วยให้ชาวเกษตรกรที่สนใจปลูกมะขามเปรี้ยวมีรายได้เพิ่มขึ้น และสามารถส่งจำหน่ายภายในและภายนอกประเทศได้ ผู้สนใจที่จะให้จัดฝึกอบรมสามารถติดต่อมาได้ที่ ฝ่ายเทคโนโลยีอาหาร สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) 35 หมู่ 3 เทคโนธานี ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120 โทร. 02 577 9130 – 02 577 9131
กระบวนการผลิตน้ำมะขาม
- เริ่มจาก นำเนื้อมะขามเปรี้ยวหรือเนื้อมะขามเปียก (300 กรัม) มาแยกเส้นใยและเมล็ดออก แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด
- จากนั้นนำมาต้มในน้ำร้อน ในอัตราส่วน เนื้อมะขาม 300 กรัม ต่อ น้ำ 2 ลิตร ให้ความร้อนอุณหภูมิ 80-85 °ซ จนเริ่มเดือด โดยมีการคนตลอดเวลา แล้วจึงกรองด้วยผ้าขาวบาง จะได้น้ำมะขาม ส่วนที่ 1 ประมาณ 1.1 – 1.2 ลิตร
- แล้วจึงนำเนื้อมะขามบีบเอาน้ำออกแล้ว ต้มในน้ำ 2 ลิตร ให้ความร้อนอุณหภูมิ 80-85 °ซ จนเริ่มเดือด โดยมีการคนตลอดเวลา แล้วจึงกรองด้วยผ้าขาวบาง จะได้น้ำมะขาม ส่วนที่ 2 ประมาณ 1.5 -1.6 ลิตร
- หลังจากนั้นนำเนื้อมะขามบีบเอาน้ำออกแล้ว ต้มในน้ำ 2 ลิตร ให้ความร้อนอุณหภูมิ 80-85 °ซ จนเริ่มเดือด โดยมีการคนตลอดเวลา แล้วจึงกรองด้วยผ้าขาวบาง จะได้น้ำมะขาม ส่วนที่ 3 ประมาณ 1.5 – 1.6 ลิตร
- นำเนื้อมะขามบีบเอาน้ำออกแล้ว ต้มในน้ำ 2 ลิตร ให้ความร้อนอุณหภูมิ 80-85 °ซ จนเริ่มเดือด โดยมีการคนตลอดเวลาให้นำเนื้อมะขามทิ้ง กรองด้วยผ้าขาวบาง จะได้น้ำมะขาม ส่วนที่ 4 ประมาณ 1.5 -1.6 ลิตร
- จากนั้นนำน้ำมะขามทั้ง 4 ส่วนมาผสมรวมกัน กรองด้วยผ้าขาวบาง จะได้น้ำมะขามประมาณ 5.0 – 5.5 ลิตร
- เติมน้ำตาลและเกลือ คนให้เข้ากัน
- นำไปตั้งไฟ ที่อุณหภูมิ 80-85°ซ
- แล้วจึงบรรจุลงในภาชนะ
เป็นบทความที่มีประโยชน์มากครับ