เพลิงไหม้ ปัจจัยและการป้องกันภัยที่ต้องศึกษา

“ไฟคนละแบบ วิธีดับ…วิธีจัดการก็คนละอย่าง”
ฉาดเฉลียว และ ฉานฉลาด บุนนาค สองพี่น้องผู้เชี่ยวชาญการผจญเพลิงภายในอาคาร บริษัท ดี.ดี.ไฟร์ แอนด์ เซฟตี้ บอก

 

เพลิงไหม้แยกได้เป็น 4 ประเภท

 • ประเภท A ไฟไหม้วัสดุที่ใช้น้ำดับได้ เช่น ไม้ ผ้า พลาสติก กระดาษ โฟม
• ประเภท B ไฟไหม้ของเหลวและแก๊สที่ติดไฟ เช่น น้ำมัน แอลกอฮอล์ เหล้า ทินเนอร์
• ประเภท C ไฟไหม้จากกระแสไฟฟ้า เกี่ยวกับผู้ปฏิบัติให้ระวังตัวขณะปฏิบัติงาน
• ประเภท D ไฟไหม้โลหะติดไฟ เช่น แมกนีเซียม โซเดียม โปแตสเซียม

 

เพลิงไหม้ยังอาจแยกช่วงออกเป็น 4 เฟส…

เฟสที่ 1: ธรรมชาติไฟอาคาร จุดเริ่มเฟสแรกอาจมีอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส วัดที่อุณหภูมิห้อง ช่วงเริ่มนี้ ไฟไม่ทำให้บรรยากาศเปลี่ยน แต่มีกลุ่มควันเกิดขึ้นเยอะแบบฟุ้งๆ …ช่วงไฟไหม้เฟสแรก ยังมี 4 ปัจจัยหลักสนับสนุน…


– ปัจจัยแรก…ชนิดเชื้อเพลิง ต้นคริสต์มาสก็ไหม้เร็ว พลาสติก โต๊ะ โซฟาก็ไหม้ช้าสักหน่อย กรณีมีพรม จะไหม้ยาก เพราะอยู่ที่พื้น กว่าไฟความร้อนจะลงไปถึง ข้าวของอื่นๆต้องเผาไหม้ไปเกือบหมดแล้ว
– ปัจจัยต่อมา…การจัดวางเชื้อเพลิง วางในระนาบจะไหม้ช้ากว่าในแนวดิ่ง เมื่อเกิดเพลิงไหม้ ความร้อนที่เกิดขึ้นจะพุ่งขึ้นที่สูง ฉาดเฉลียว บอกว่า อาคารไหนที่มีชนิดเชื้อเพลิงเหมาะสมจำนวนมาก แถมวางไว้ในแนวดิ่งก็ยิ่งทำให้ไฟไหม้ ลุกลามได้อย่างรวดเร็ว ช่วงเวลาเฟสแรกปกติจะอยู่ที่ 3 นาทีสบายๆ แต่ถ้ามีปัจจัยบวกอย่างนี้จะย่นเวลาไปได้อีกมาก
– ปัจจัยที่สาม…ฝ้า เพดาน และกำแพง กำแพงจะเป็นตัวบีบขอบเขตไฟไหม้ เพดานจะเป็นตัวกัก สูงหรือต่ำมีผล ถ้าสูงจะสะสมความร้อนได้มาก ควันจะลอยตัวไปสูง ถ้าบังเอิญในอาคารจัดปาร์ตี้ จุดพลุ ไฟเย็น อาจเหมือนควันไฟไหม้ ก็อาจไม่รู้สึกแปลกใจ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไฟไหม้เฟสแรกผ่านไปโดยที่ไม่มีการป้องกันระวังตัว
– ปัจจัยที่สี่…รูปทรงของอาคาร สี่เหลี่ยม วงกลม โดม ถ้าเตี้ยไฟไหม้เกิดขึ้นแล้ว กลุ่มควันจะไหลให้เห็นแบบสังเกตได้ง่าย ถ้าเป็นโดมสูง มีสองชั้น ควันที่เกิดขึ้นจะไหลจากชั้นหนึ่งขึ้นไปชั้นสองแล้วก็ไปสะสมอยู่บนโดมอีกทอดหนึ่ง กว่ากลุ่มควันจะม้วนตัวลงมาให้เห็น ก็สะสมในโดมเต็มที่แล้ว ความร้อนจะไต่ระดับไปเรื่อยๆ จาก 60 องศาเซลเซียสไปถึง 100 องศาเซลเซียส

เฟสที่ 2: ถ้าที่ใดก็ตามเห็นกลุ่มควันมาพร้อมเปลวไฟ ก็หมายความว่า ไฟไหม้ ที่เกิดขึ้นเข้าสู่กระบวนการไหม้เฟสที่ 2 เป็นการดีดตัวอย่างฉับไวในช่วงเวลาสั้นๆ ใช้เวลาไม่เกิน 1 นาที ความร้อนจะพุ่งจาก 100 องศาเซลเซียสไปถึง 800 องศาเซลเซียส อุณหภูมิระดับนี้ คือจุดติดไฟของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ ก๊าซเหล่านี้โดยธรรมชาติจะเบากว่าอากาศ ประกอบกับเกิดจากความร้อนก็ยิ่งทำให้ลอยฟุ้งอยู่ด้านบน
        บรรยากาศอย่างนี้…ถ้าอยู่ในอาคารที่มีแสงสว่างเพียงพอ บรรยากาศสงบเงียบ สังเกตไฟไหม้ได้ไม่ยากตั้งแต่ช่วงเฟสแรก แต่ถ้าเป็นบรรยากาศสถานบันเทิง แสง สี เสียง ควัน ครบเครื่อง…ก็ยากที่จะสังเกตได้

เฟสที่ 3: เมื่อไฟไหม้ลุกลามเข้าสู่เฟสที่สาม ความร้อนจะพุ่งไปถึง 1,000-1,200 องศาเซลเซียส ขึ้นอยู่กับเชื้อเพลิงที่มอดไหม้ ส่วนจะใช้เวลานานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อเพลิงที่จะเผาไปจนกว่าจะหมด

เฟสที่ 4: ไฟไหม้โหมแดงไปทั้งอาคาร ทุกอย่างในอาคารที่สามารถไหม้ได้…ไหม้ไฟหมดแล้ว กระทั่งมอดดับเหลือแต่เถ้าถ่าน

โอกาสที่คนจะเอาชีวิตรอดในช่วงเฟสที่สาม สี่บอกตรงๆ เป็นศูนย์ ถ้าอยู่ในเฟสที่หนึ่งช่วงแรกๆโอกาสรอดร้อยเปอร์เซ็นต์ ปลายเฟสหนึ่งก็แปดสิบเปอร์เซ็นต์ เข้าเฟสที่สองก็ห้าสิบ…ห้าสิบ มีโอกาสเสียชีวิตทั้งจากความร้อน และกลุ่มควัน ถ้าอยู่ในตำแหน่งต่ำกว่าความร้อน โอกาสรอดก็มีมาก เวลาหนีไฟจึงต้องคลานต่ำ เพราะความร้อนน้อย กลุ่มควันก็น้อย ความสูงต่ำกลุ่มควัน ขึ้นอยู่กับช่องเปิดตัวอาคาร ปกติถ้ามีทางออกทางเดียว จะอยู่ที่ครึ่งๆความสูงประตูทางออก แต่ถ้ามีช่องเปิดอื่นๆ…จะกดระดับลงมาอีก

กว่าไฟจะไหม้มาถึงเฟสนี้ ต้องถามกลับไปว่า…อาคารไม่ได้ติดตั้งตัวตรวจจับสัญญาณควันบ้างเลยหรือ? เพราะจะเตือนได้ ตั้งแต่ไฟไหม้ เฟสแรก ห้างสรรพสินค้า โรงหนัง ส่วนใหญ่น่าจะติดตั้งเรียบร้อยแล้ว ร้านอาหารอาจจะมีติดบ้างไม่ติดบ้าง ขึ้นอยู่กับร้านใหญ่ร้านเล็ก …ยังมีหลายที่ต้องระวัง อาทิ คอนเสิร์ตใหญ่ๆ โรงหนัง เวลาเดินเข้าเต็มที่ทีละ 2-3 คน พออยู่ในโรงคนจะเป็นหลักร้อย แล้วทางออกล่ะ…ก็ทางเดิม เวลาฉุกเฉินจะรับไหวไหม? สมมติว่า เกิดไฟไหม้ขึ้นมาด้านนอกโรงในช่วงเฟส 2 บรรยากาศในโรงก็มืดสลัว มีเวลาเต็มที่ 1 นาที สถานการณ์จะเป็นอย่างไร?

        บทสรุปปัจจัยอาคารเสี่ยงไฟไหม้เกิดขึ้นได้ทุกที่ แต่ปัจจัยเสริมที่ทำให้ไฟลุกลามได้ง่าย เกิดอันตรายสูง อันดับแรก…อาคารที่ไม่มีสัญญาณเตือนภัย มีแสงสว่างน้อย หลังคาสูง หรือเป็นโดม ไฟไหม้แล้ว เกิดกลุ่มควัน ความร้อนสะสม จะมองเห็นได้ยาก
        ปัจจัยต่อมา บรรยากาศและเชื้อเพลิงในอาคาร ฉาดเฉลียว มองว่า ถ้าไม่มีการเลี้ยงฉลอง เสียงดัง ดึกดื่น ไม่มีพลุ เหล้า มีสติ โอกาสรอดก็มีมาก
        อีกปัจจัยที่ไม่พูดถึงไม่ได้ จำนวนคนที่อยู่ในอาคารที่มากเกินที่จะบริหารจัดการเวลาเกิดไฟไหม้ ไม่มีผู้เชี่ยวชาญประจำ และแผนรับมือเตรียมพร้อมสำหรับเหตุฉุกเฉิน

ฟรีเบิร์น คือการเกิดการลุกไหม้อย่างอิสระ เป็นรูปแบบธรรมชาติของไฟไหม้

กระบวนการนักผจญเพลิง ผู้เชี่ยวชาญการดับเพลิงสามารถต่อกรกับไฟไหม้ เฟส 1 เฟส 2 ในระยะเวลา 3-4 นาทีได้ เพื่อยืดเวลาออกไปได้ เป็นการปิดกั้น สกัดกั้นไฟ ช่วยเหลือ อพยพคนในอาคาร ยิ่งอาคารติดสปริงเกอร์…เฟส 2 จะไม่เกิด เพราะควันที่เกิดขึ้นจะถูกน้ำดูดซับความร้อนไปจนหมด ปัญหามีเพียงว่า…ยิ่งร้อนขึ้นมากเท่าไหร่ น้ำก็จะเป็นไอกลายเป็นน้ำร้อน

ปัจจุบันการไหม้แบบฟรีเบิร์นในอาคารที่มีระบบตรวจจับอัตโนมัติ จึงเกิดขึ้นได้ยาก แต่มีการจัดระดับความเสี่ยงของอาคารไว้ 3 ระดับ…1.ความเสี่ยงสูง 2.ความเสี่ยงปานกลาง 3.ความเสี่ยงต่ำ

“เสี่ยงสูงคือปิโตรเคมีคอล โรงแก๊ส โรงน้ำมัน ถ้าเป็นห้างสรรพสินค้า อาคารทั่วไป สถานประกอบการ ก็อยู่ในระดับปานกลาง และต่ำ…ก้ำกึ่งกัน”

“เสี่ยงน้อย เสี่ยงปานกลาง…เส้นแบ่ง เทียบโกดังร้างกับโกดังที่เก็บของเต็มล้นไปถึงเพดาน แน่นอนว่าโกดังเต็มก็เป็นอาคารระดับเสี่ยงปานกลาง”

“โรงหนังพอบอกว่าอยู่ในระดับความเสี่ยงต่ำ คนก็ไม่กลัว การเฝ้าระวังก็ลดน้อยลง คิดว่าคงไม่เกิดเหตุไฟไหม้ทำให้ผู้คนเสียชีวิตได้ แต่ตาย 10 คน ตาย 1 คน หรือแค่บาดเจ็บสาหัส…ก็รุนแรงแล้ว”

คนไทยตระหนักเรื่องไฟไหม้พอสมควร คือ กลัว แต่ไม่มีความรู้พื้นฐานในการเอาตัวรอด กฎหมายก็บังคับใช้ในสถานประกอบการ ไม่ครอบคลุมสถานบันเทิง เพราะไม่ใช่โรงงาน

อย่างไรเสีย…พึงระลึกไว้เสมอว่า ไฟไหม้เป็นเรื่องใกล้ตัว ความเสี่ยงเกิดขึ้นได้ทุกที่ ไม่ว่าที่แห่งนั้นจะมีความปลอดภัยมากขนาดไหน.

—————————————–
(บทความนี้ได้เรียบเรียงและจัดการนำเสนอให้กระชับชัดเจน สำหรับลงบล็อค ท่านสามารถอ่านบทความต้นฉบับข่าวได้จาก…)
ที่มา :
ไทยรัฐ – สกู๊ปหน้า ๑ – “ไหม้! วิบัติแบบผับ โรงหนังก็มีเสียว” [6 ม.ค. 52 – 17:34]
http://www.thairath.co.th/news.php?section=hotnews02&content=117834

7 Comments on “เพลิงไหม้ ปัจจัยและการป้องกันภัยที่ต้องศึกษา

  1. ขอบคุณครับ ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*