วว. รับรางวัลดีเด่นองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชนประจำปี 2565

นายสมศักดิ์  เทพสุทิน  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  เป็นประธานมอบรางวัลดีเด่นองค์กรต้นแบบสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2565 (Human Rights  Awards  2022)   ให้แก่ ศ. (วิจัย) ดร.ชุติมา  เอี่ยมโชติชวลิต  ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ซึ่งเป็นรางวัลจาก กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม มอบให้องค์กรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคธุรกิจ วิสาหกิจเพื่อสังคม และภาคประชาสังคม ที่ดำเนินการตามภารกิจโดยเคารพในหลักการสิทธิมนุษยชน มีผลการดำเนินงานโดดเด่น ในด้านการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนให้กับผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกมิติ รวมถึงเป็นแบบอย่างที่ดีให้องค์กรอื่นๆ   ในการเสริมสร้างสังคมแห่งการเคารพในหลักการสิทธิมนุษยชนอย่างยั่งยืน   โดยมีองค์กรต้นแบบที่ได้รับการคัดเลือกให้ได้รับรางวัลจำนวน  75  รางวัล  โอกาสนี้  ดร.จิตรา  ชัยวิมล  รองผู้ว่าการบริหาร  วว.  พร้อมผู้บริหาร บุคลากร  ร่วมเป็นเกียรติและแสดงความยินดีในโอกาสนี้ด้วย  ในวันที่   19  กันยายน  2565  ณ  โรงแรมมิราเคิล แกรนด์  คอนเวนชั่น

ศ.(วิจัย) ดร.ชุติมา   เอี่ยมโชติชวลิต    ผู้ว่าการ  วว.  กล่าวว่า  วว. ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม  สร้างโอกาส สร้างรายได้ และสร้างความยั่งยืน ให้ชุมชนอย่างเท่าเทียมและเสมอภาคตามแนวทาง BCG  อันส่งผลให้ได้รับรางวัลดังกล่าว   วว. มุ่งมั่นและตั้งใจนำความเชี่ยวชาญและองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งหวังให้ทุกภาคส่วน นำไปต่อยอด  ส่งเสริม  เกิดการแบ่งปัน และใช้เทคโนโลยี ตามแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน   เพื่อความเท่าเทียมและสมดุลกันในการดำเนินธุรกิจ  ทั้งด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม อย่างมีธรรมาภิบาล

ทั้งนี้ วว. ดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนในปี 2565 ประกอบด้วย 3  มิติหลักๆ   ดังนี้

1. มิติการป้องกันและรักษา   ได้แก่ 

    – โครงการการพัฒนาศักยภาพการทดสอบทางด้านเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็นสำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19)   ที่เข้าถึงการดูแล/การรักษาอย่างทั่วถึง โดยการทดสอบห้องความดันลบและตรวจวัดคุณภาพอากาศห้องผู้ป่วยในโรงพยาบาลศิริราช  ตึกนวมินทรบพิตร พื้นที่ 2,514 ตารางเมตร  จำนวน 40 ห้อง ( 88 เตียง)  สามารถรองรับผู้ป่วยได้ประมาณ 1,000 คน

            – น้ำอิเล็กทรอไลต์เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19)   ในการป้องกันและได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม  โดยการนำน้ำอิเล็กทรอไลต์ไปแจกจ่าย ดังนี้   กรุงเทพมหานคร  1,000 ลิตร  กรมยุทธบริการทหารในการให้บริการขนส่งผู้ป่วยโควิดไปส่งตามโรงพยาบาลสนามต่างๆ  1,000 ลิตร  องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติเพื่อทำความสะอาดฆ่าเชื้อในศูนย์ดูแลโควิดชุมชน 1,000 ลิตร  กรมราชทัณฑ์เพื่อฉีดพ่นให้ผู้ต้องขัง 1,000 ลิตร  รวมทั้งฉีดพ่นทำความสะอาดพื้นที่ปฏิบัติงานให้กับพนักงานและลูกจ้าง วว. ที่มีความเสี่ยง จำนวน 50 ครั้ง

2. มิติด้านเศรษฐกิจ   ได้แก่  โครงการเสริมสร้างฐานรากให้กับชุมชนกลุ่มไม้ดอกไม้ประดับด้วยนวัตกรรมเกษตร ตามแนวทางมาลัยวิทยสถาน อว.    สร้างรายได้ ต่อยอดเทคโนโลยีส่งเสริมการตลาดอย่างทั่วถึง  โดยจัดทำฐานข้อมูลไม้ดอกไม้ประดับเพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่าย  ถ่ายทอดองค์ความรู้/เทคโนโลยีเกี่ยวกับไม้ดอกไม้ประดับให้เกษตรกรจำนวน 200 ราย  เกษตรกรภายใต้โครงการได้รับการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) จำนวน 12 ราย  ยืดอายุการเก็บรักษาไม้ดอกจาก 7 วัน เป็น 15 วันและไม้ประดับจาก 15 วัน เป็น 20 วัน กลุ่มเกษตรกรมีรายได้ 50.6 ล้านบาท (ปี 2564)  และในปี 2565 กลุ่มเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 60%

3. มิติผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม   ได้แก่  การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและขยะพลาสติกในชุมชนเพื่อการบูรณาการอย่างยั่งยืน (ตาลเดี่ยวโมเดล) พื้นที่ตำบลตาลเดี่ยว  อำเภอแก่งคอย  จังหวัดสระบุรี  ในพื้นที่ตำบลตาลเดี่ยว อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี  สามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างสภาพแวดล้อมที่ดี ลดปัญหาการใช้งบประมาณเพื่อจัดการขยะโดยนำไปทำลายหรือเทกอง ได้ 1,000 ตันต่อปี  เกิดการจ้างงานในชุมชน ยกระดับคุณภาพเชื้อเพลิงขยะ (RDF2)  จากราคา  150-500  บาทต่อตัน เป็นเชื้อเพลิงขยะคุณภาพสูง (RDF5) ราคา  2,800  บาทต่อตัน

พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน  เช่น  ถ่านหอม 3 in 1 จากขยะเปลือกผลไม้ หรือผลิตภัณฑ์ชอล์กไล่มดจากเปลือกไข่ สร้างรายได้ประมาณ 5,000 บาทต่อเดือน ลดปัญหาการแพร่กระจายของพาหะนำโรค