วว. ร่วมพิธีเทิดพระเกียรติ ในหลวงรัชกาลที่ 9 “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” เนื่องในวันเทคโนโลยีของไทย

ศ.(วิจัย) ดร.ชุติมา  เอี่ยมโชติชวลิต  ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)  กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม  (อว.)  พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บุคลากร  ร่วมพิธีเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร  รัชกาลที่ 9  ในฐานะทรงเป็น “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” เนื่องใน “วันเทคโนโลยีของไทย” ประจำปี  2565   โดยมี   ดร.ลัทธจิตร   มีรักษ์  ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา  วิทยาศาสตร์  วิจัยและนวัตกรรม  (อว.)  เป็นประธานในพิธีวางพุ่มดอกไม้และถวายราชสักการะ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร อว. ผู้แทนหน่วยงานในสังกัด ผู้แทนมหาวิทยาลัย ข้าราชการและเจ้าหน้าที่  เข้าร่วมในพิธีดังกล่าว  ในวันที่  19  ตุลาคม 2565  ณ  ลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระสยามเทวมหามงกุฎวิทยามหาราช รัชกาลที่ 4  กระทรวง อว. ถนนโยธี กรุงเทพฯ

อนึ่ง วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2515 นับเป็นจุดเริ่มต้นประวัติศาสตร์ที่สำคัญหนึ่งของประเทศไทย จากการศึกษาและค้นพบวิธีการทำฝนเทียมสูตรใหม่ของประเทศไทย ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงควบคุมบัญชาการและอำนวยการสาธิตฝนเทียมสูตรใหม่เป็นครั้งแรกของโลก ณ เขื่อนแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี โดยใช้สนามบินบ่อฝ้าย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นฐานปฏิบัติการ และประสบความสำเร็จฝนตกตามเป้าหมายอย่างแม่นยำ สร้างความประทับใจและยินดีแก่คณะผู้แทนรัฐบาลสิงค์โปร์และผู้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในวันนั้นเป็นอย่างยิ่ง

ดังนั้นเพื่อเทิดพระเกียรติในพระปรีชาสามารถของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2543 ได้มีมติให้ความเห็นชอบพระราชทานพระบรมราชานุญาตเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเป็น “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” และให้วันที่ 19 ตุลาคมของทุกปีเป็น “วันเทคโนโลยีของไทย” จากการที่ทรงศึกษาค้นคว้าวิจัยงานทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ก่อกำเนิดเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อาทิ โครงการแกล้งดิน เทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาดินเปรี้ยว โครงการหญ้าแฝก  เทคโนโลยีป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน โครงการแหลมผักเบี้ย เทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสีย โครงการกังหันน้ำชัยพัฒนา  เทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสีย โครงการคลองลัดโพธิ์เทคโนโลยีการบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม

นอกจากนี้ยังมีโครงการตามพระราชดำริในเรื่องพลังงานทดแทนอื่นๆ เช่น การผลิตดีโซฮอล์ ซึ่งเป็นการผลิตเชื้อเพลิง จากการผสมเอทานอลกับน้ำมันดีเซล ผลการทดลองพบว่าสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงให้กับเครื่องยนต์ดีเซลได้ และลดควันดำถึง 5% หรือพระราชดำริให้โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาทดลองผลิตแก๊สชีวภาพจากมูลโคนม ซึ่งได้ก๊าซมีเทนที่เป็นก๊าซติดไฟกว่า 50% และก๊าซอื่นๆ ที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ เทคโนโลยีดังกล่าวข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างบางส่วน นอกจากนี้ยังมีวิทยาการและเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ทรงใช้ในการพัฒนาอีกจำนวนมาก เช่น ด้านการคมนาคมและการสื่อสาร ด้านสาธารณสุขและการแพทย์ ตลอดจนด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เป็นต้น

ตลอดระยะเวลาที่พระองค์ทรงงาน ได้ก่อเกิดการพัฒนาเทคโนโลยีของไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ควบคู่ไปกับการเสด็จพระราชดำเนินไปยังสถานที่ต่าง ๆ ของประเทศไทย เพื่อประกอบพระราชกรณียกิจช่วยเหลือราษฎรผู้ทุกข์ยาก เมื่อพบปัญหาความทุกข์ยากของราษฎร พระองค์จะทรงนำกลับมาขบคิดหาแนวทางการแก้ไขปัญหา โดยใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ในการปัญหานั้น ๆ พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีประโยชน์และบรรเทาความเดือดร้อนแก่พสกนิกรทุกหมู่เหล่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้แก่ปวงชนชาวไทย ด้วยพระราชกรณียกิจที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย ทรงนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาประเทศและแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงนำความรู้ทางสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในทุกสาขาวิชามาใช้ในการพัฒนาทุกแขนง ทรงมุ่งให้เกิดการพัฒนาคนให้อยู่ได้ด้วยการพึ่งตนเองเป็นสำคัญ  ในทุกๆ โครงการที่มีพระราชดำริและพระราชทานให้แก่ประชาชน ล้วนมีวิธีดำเนินการได้ง่าย ไม่ยุ่งยากซ้ำซ้อน มีความสอดคล้องกับระบบนิเวศโดยรวมของธรรมชาติและสภาพสังคมของชุมชนนั้นๆ ไม่ทรงปิดกั้นเทคโนโลยีใหม่จากต่างประเทศ แต่ทรงเน้นว่าจะต้องเลือกใช้เทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์มาปรับปรุงใช้ได้ดีพอ เหมาะกับสภาพและฐานะของประเทศ โดยเน้นที่ประสิทธิภาพ ประหยัดและการทุ่มแรงงาน พระองค์ทรงเป็นดุจประทีปชี้นำทางสว่างสู่ปวงประชา ก่อเกิดความยั่งยืนในการพัฒนาอาชีพ คุณภาพชีวิตและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ