รมว.อว. เยี่ยมชมนิทรรศการ วว. “สะแกราชโมเดล” ต้นแบบการเรียนรู้  ฟื้นฟูป่า สู่ธนาคารธรรมชาติ @ มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2566

ศ. (พิเศษ) ดร.เอนก  เหล่าธรรมทัศน์   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมคณะ เยี่ยมชมนิทรรศการผลงาน สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย  (วว.)  “สะแกราชโมเดล” ต้นแบบการเรียนรู้  ฟื้นฟูป่า  สู่ธนาคารธรรมชาติ  ซึ่ง วว. นำวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยี และนวัตกรรม ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างความเข้มแข็งชุมชน เพื่อรับมือวิกฤตสิ่งแวดล้อมโลก  ในกรอบการบริหารพื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราชอย่างยั่งยืน  สนับสนุนการวิจัยโดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เนื่องในงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2566 (Thailand Research Expo 2023) ซึ่ง วช. จัดขึ้นระหว่างวันที่  7-11  สิงหาคม  2566 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์  ภายใต้แนวคิด “วิจัยไทยก้าวไกล  ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน”

โอกาสนี้  ดร.ชุติมา  เอี่ยมโชติชวลิต  ผู้ว่าการ วว.  พร้อมคณะผู้บริหารและนักวิจัย  ร่วมให้การต้อนรับและบรรยายรายละเอียดผลงานที่นำมาจัดแสดง ณ ชั้น 22  โซนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG   บูธ AL 1  ในโอกาสเดียวกันนี้ รมว.อว. ให้เกียรติปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศด้วยวิจัยและนวัตกรรม”  โดย ผู้ว่าการ  วว. ได้เข้าร่วมรับฟังด้วย  ในวันที่  7  สิงหาคม  2566 @ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์

โอกาสนี้ นายเฉลิมชัย  จีระพันธุ์   ผอ.ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมพลังงานสะอาดและสิ่งแวดล้อม   นำเสนอรายละเอียดนิทรรศการ “สะแกราชโมเดล” ต้นแบบการเรียนรู้ ฟื้นฟูป่า สู่ธนาคารธรรมชาติ แก่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)  ซึ่ง วว.ส่งผลงานดังกล่าวเข้าร่วมประกวดในกิจกรรม Thailand Research  Expo 2023 Award เนื่องในงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2566 ซึ่ง วช. จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-11 สิงหาคม 2566 ณ ชั้น 22-23 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์ 

พร้อมนี้ วว. ยังได้รับเกียรติจาก นายพิพัฒน์  อภิรักษ์ธนากร  ทูตวิจัยมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2566  ตัวแทนพลังคนรุ่นใหม่ในการสื่อสารงานวิจัยให้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัว เยี่ยมชมนิทรรศการด้วย

นิทรรศการ “สะแกราชโมเดล” ต้นแบบการเรียนรู้  ฟื้นฟูป่า  สู่ธนาคารธรรมชาติ   วว. นำเสนอการดำเนินงานบริหารพื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราชอย่างยั่งยืนภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ BCG  และผลการดำเนินงานที่ประกอบด้วยองค์ความรู้และฐานข้อมูลจากงานวิจัยทางด้านทรัพยากรธรรมชาติ ภายใต้สภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในการปรับตัวและเสริมสร้างอาชีพของชุมชนโดยใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG จากความหลากหลายของทรัพยากรชีวภาพในป่าสะแกราช  ซึ่งจะเป็นโมเดลต้นแบบสู่การขยายผลในพื้นที่อื่นๆ เพื่อการพัฒนาพื้นที่สงวนชีวมณฑลอย่างยั่งยืน  ภายใต้การดำเนินงาน  3  โครงการ  ได้แก่ 

1)  โครงการพัฒนาพื้นที่ป่าสงวนสะแกราชรองรับสภาวะการเปลี่ยนแปลงเพื่อความยั่งยืนทรัพยากรธรรมชาติ 

 2) โครงการอนุรักษ์พื้นที่ชีวมณฑลสะแกราชและการปรับตัวของชุมชนด้วยการส่งเสริมอาชีพอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยใช้องค์ความรู้จากป่าสะแกราช   

3) โครงการการสำรวจและพัฒนาฐานข้อมูลพื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราชเพื่อการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน  

โดย ศูนย์เชี่ยวชาญพลังงานสะอาดและสิ่งแวดล้อม วว. เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานร่วมกับพันธมิตร  ได้แก่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี  

การดำเนินโครงการดังกล่าวมุ่ง   2  ด้านหลัก  ได้แก่ 

1) การตั้งรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ   โดยติดตามพลวัตป่าไม้ธรรมชาติและป่าฟื้นฟู เพื่อการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืนในพื้นที่สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช วว. จังหวัดนครราชสี นำมามาพัฒนาฐานข้อมูลชีวภาพของพื้นที่ป่าไม้  ใช้ภาพถ่ายดาวเทียมพัฒนาแบบจำลองเพื่อวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินและความหลากหลายทางพืชพรรณจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของพื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราชและส่งเสริมการอนุรักษ์อย่างยั่งยืนของชุมชน 

2) โครงการการพัฒนาชุมชนโดยรอบพื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช  โดยการเพิ่มพื้นที่ป่าไม้มีค่าแบบผสมผสานในพื้นที่เกษตรกรรมและป่าเสื่อมโทรม การใช้ประโยชน์เห็ดป่าในอนาคต เพื่ออนุรักษ์พันธุกรรมของไม้มีค่าในพื้นที่ป่าสะแกราชที่ใกล้จะสูญพันธุ์ อบรมให้ความรู้แก่ชุมชนในการเพาะเชื้อเห็ดเอคโตไมคอร์ไรซา ในกล้าไม้มีค่าทางเศรษฐกิจ สนับสนุนกล้าไม้แก่ชุมชน จัดตั้งศูนย์การเพาะเชื้อเห็ดในพื้นที่ พร้อมจัดทำแปลงสาธิตพืชกินได้

เนื่องจากป่าในสะแกราชเป็นตัวแทนของป่า 2 ประเภทหลักๆ ประกอบด้วย ป่าไม่ผลัดใบ (ป่าดิบแล้ง) และป่าผลัดใบ (ป่าเต็งรัง) จากการศึกษาข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมจาก GISTDA ซึ่งเป็นข้อมูลภาพถ่ายของสถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราชและพื้นที่โดยรอบในระยะ 2 กิโลเมตร เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ป่าจากอดีตจนถึงปัจจุบัน พบว่า พื้นที่ป่าเต็งรังมีเนื้อที่ลดลงจาก 38.63% เป็น 27.63% และ ป่าดิบแล้งมีเนื้อที่เพิ่มขึ้นจาก 31.77 % เป็น 41.44%

นอกจากนี้จากการวิเคราะห์มวลชีวภาพและการกักเก็บคาร์บอน (Biomass and Carbon storage) ของต้นไม้ในสถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราชและพื้นที่โดยรอบในระยะ 2 กิโลเมตร โดยใช้สมการแอลโลเมตรีอ้างอิงตาม Ogawa et al. (1965) และ Komiyama et al. (1987) พบว่า พื้นที่ป่าไม้บริเวณสถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช สามารถกักเก็บคาร์บอนเหนือพื้นดินได้ทั้งหมด 2,770,281.26 ตันคาร์บอน โดยป่าดิบแล้งมีการกักเก็บคาร์บอนได้สูงที่สุด จำนวน 2,024,929.27 ตันคาร์บอน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของพื้นที่ด้านบริการของระบบนิเวศ (ecosystem services) ที่สำคัญ

“…การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้รวมไปถึงการเพิ่มพื้นที่สีเขียวจากการปลูกป่า มีความสำคัญอย่างมากต่อการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากป่าไม้จะเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หากระบบนิเวศป่าไม้ถูกทำลายไป จะส่งผลให้ศักยภาพในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูญเสียไป มากไปกว่านั้นยังทำให้ปริมาณคาร์บอนที่สะสมไว้ถูกปลดปล่อยคืนสู่บรรยากาศและก่อให้เกิดปัญหาโลกร้อนมากยิ่งขึ้น…”  ดร.ชุติมา  เอี่ยมโชติชวลิต  ผู้ว่าการ วว.  กล่าวสรุป

……………………………………………………

📍นำเสนอข่าวโดย

กองประชาสัมพันธ์ สำนักสื่อสารองค์กร วว.

☎️โทร. 0 2577 9360

📧E-mail : pr@tistr.or.th

🟩 Line@tistr

🟧 IG : tistr_ig

🟥YouTube : tistr2506

🟪 TIKTOK : @tistr2506