มะนาวเป็นพืชที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เนื่องจากในน้ำมะนาวนั้นมีกรดซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพซึ่งได้แก่ กรดซิตทริค (Citric acid) กรดมาลิค (Malic acid) และแอสคอร์บิก (Ascorbic acid) นอกจากนี้ยังมีวิตามินซี และอุดมไปด้วยสารฟลาโวนอยด์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของวิตามินซีอีกด้วย น้ำมะนาวจึงเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมในสังคมไทย ดังนั้นการผลิตน้ำมะนาวพร้อมดื่มที่ปิดสนิทจึงเป็นสิ่งที่ควรเรียนรู้ และควรมองการผลิตแบบเป็นองค์รวม เชื่อมโยงกัน ตามแนวทางของศาสตร์พระราชา โดยควรพิจารณาตั้งแต่การเลือกพันธุ์มะนาวที่ให้น้ำเยอะ เทคนิคการปลูกและดูแล ขั้นตอนการผลิต และขั้นตอนการฆ่าเชื้อ เพื่อความสดสะอาดและยืดอายุการเก็บรักษาให้ยาวนานขึ้น

สำหรับการผลิตน้ำมะนาวพร้อมดื่ม ขั้นแรกคือ การทำความสะอาดมะนาว จากนั้นผ่าผลมะนาว นำเมล็ดมะนาวออก บีบน้ำมะนาวลงใส่ในแก้ว เมื่อได้น้ำมะนาวในปริมาณที่ต้องการแล้ว จึงเติมน้ำตาลทรายประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ และเทน้ำร้อนลงไปในปริมาณครึ่งถ้วยต่อน้ำมะนาว 1 แก้ว ใส่เกลือป่นครึ่งช้อนชา คนให้เข้ากัน และชิมรสตามชอบ แต่เพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมตามสูตรของศูนย์เชี่ยวชาญอาหารสุขภาพของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ควรควบคุมความหวานที่ 15.5 บริกซ์ ค่าความเป็นกรดร้อยละ 0.46-0.57 และค่าความเป็นเบส 3.2

เมื่อได้น้ำมะนาวที่ปรุงรสแล้ว จึง นำภาชนะบรรจุมาผ่านการฆ่าเชื้อด้วยวิธีWater Spray Retort หรือการฆ่าเชื้อแบบใช้น้ำร้อนสเปรย์ ซึ่งเครื่องนี้เป็นเครื่องที่ใช้งานในระดับโรงงานอุตสาหกรรม เครื่องนี้ มีหลักการทำงานโดยการฉีดพ่นน้ำร้อนผ่านหัวฉีดที่ติดตั้งในตำแหน่งและองศาที่เหมาะสม เพื่อให้การฉีดพ่นเป็นไปอย่างทั่วถึง ซึ่งเครื่องนี้จะเหมาะสำหรับภาชนะบรรจุที่เป็นขวดแก้ว ถุง pouch และบรรจุภัณฑ์ชนิดกึ่งอ่อนตัว

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ผลิตน้ำมะนาวที่ไม่มีเครื่อง Water Spray Retort ก็สามารถทำการพาสเจอร์ไรส์ภาชนะบรรจุได้โดยการนึ่งที่อุณหภูมิ 95 องศาเซลเซียส ที่ความดัน -200 มิลลิเมตรปรอท กับที่ 75 องศาเซลเซียส โดยใช้เวลาในการฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิดังกล่าว 27 วินาที โดยใช้เวลาในการฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิดังกล่าว 27 วินาที ซึ่งจะทำให้ได้จะได้ผลิตภัณฑ์ปลอดจากจำนวนจุลินทรีย์ ยีสต์ และรา และปลอดภัยต่อผู้บริโภคนานถึง 6 เดือน

โดย ดร.กุศล เอี่ยมทรัพย์

ฝ่ายเทคโนโลยีการเกษตร

สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย

การใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการผลิตมะนาวนอกฤดูมี 3 วิธี

วิธีที่ 1

การใช้ปุ๋ยและฮอร์โมนในการบังคับการออกดอกนอกฤดู

ใช้ปุ๋ยทางใบสูตร 0-52-34 ร่วมกับปุ๋ยทางดินสูตร 0-46-01 หากต้นมะนาวมีสภาวะต้นที่สมบูรณ์ ก็สามารถที่จะออกดอกได้ดียิ่งขึ้นแม้ว่าจะไม่มีช่วงแล้งก็ตาม นอกจากนี้ อาจใช้ฮอร์โมนพาโคบิวทาโซลช่วยให้ออกดอกมากขึ้น แต่วิธีการนี้จะบังคับการออกดอกได้ยากและได้ผลไม่แน่นอน เพราะจะมีผลของความชื้นในดินที่ควบคุมไม่ได้มาเป็นปัจจัยที่ทำให้การออกดอกน้อยกว่าวิธีอื่นๆ

วิธีที่ 2

การควบคุมน้ำให้เกิดการสะสมอาหารและการเกิดดอก

ต้นมาะนาวมีการออกดอกได้ดีเมื่อผ่านช่วงของความแล้งมาระยะหนึ่งโดยใช้ระยะเวลาระหว่าง 20-30 วัน ทั้งนี้ย่อมแล้วแต่ความสมบูรณ์ของต้น ขนาดของทรงพุ่มต้นและสภาพของดิน หากเป็นดินทรายย่อมได้เปรียบมากกว่าดินเหนียว และสามารถชักนำให้เกิดสภาพแล้งให้กับระบบรากได้เร็วกว่า บางครั้งใช้เวลาเพียง 10 วันก็เพียงพอ การปฏิบัติดูแลรักษาเพื่อช่วยให้มีประสิทธิผลของการชักนำสภาพแล้งได้ดียิ่งขึ้น หรือการปลูกมะนาวในกระถางหรือบ่อซีเมนต์ การบังคับให้ออกดอก ในช่วงประมาณเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายน หลังจากให้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ประมาณ 1 ช้อนแกง จึงรดน้ำพอให้ปุ๋ยละลาย แล้วต้องงดการให้น้ำอย่างสิ้นเชิง เป็นเวลา 15-20 วัน แต่ถ้าฝนตกก็จะต้องหาพลาสติกมาคลุมโคนต้นทุกต้น เมื่อเห็นว่ามะนาวเริ่มเฉาสลัดใบทิ้งจึงให้น้ำตามปกติ และให้ปุ๋ยสูตร 8-24-24 โดยใช้ 2 ช้อนแกงต่อต้น ต่อมาอีกประมาณ 15 วัน จะเห็นว่ามะนาวจะเริ่มแตกยอดอ่อน และออกดอกมาในคราวเดียวกัน ในช่วงระยะมะนาวมีดอก จะต้องดูแลโดยการฉีดพ่นสารสะเดาหรือสารขับไล่แมลงอื่นๆ ส่วนในช่วงมะนาวติดผลจะต้องฉีดพ่นสารกำจัดเชื้อราและต้องให้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ในอัตรา 1-2 ช้อนแกงต่อต้น ทุก 20 วัน

ขั้นตอนในการดำเนินการในปีที่ 2 มีดังนี้

  • ตัดแต่งกิ่ง เด็ดผลที่เหลือบนต้นออก เพื่อบำรุงต้น เร่งการสร้างยอดใหม่ ใบใหม่ โดยผลมะนาวที่คุณภาพดีที่สุดคือผลที่เกิดจากยอดใหม่ ผลที่เกิดจากกิ่งเก่าคุณภาพจะด้อยลงมา ผลที่คุณภาพต่ำสุดคือผลที่เกิดติดกิ่ง หลังตัดแต่งกิ่งเสร็จใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 เพื่อบำรุงต้นให้สมบูรณ์เท่าที่ควร
  • การให้ปุ๋ยชีวภาพซึ่งได้จากการหมักหอยเชอรี่ 30 กก. เศษผลไม้ 10 กก. กากน้ำตาล 10 กก. เชื้อพด. 2 จำนวน 25 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร สูตรนี้สามารถใช้ฉีดพ่นทางใบในอัตรา 20-25 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตรได้
  • ในระยะนี้ต้องรักษาใบและยอดให้ดี เนื่องจากมีโรค แมลงที่สำคัญเข้าทำลายในระยะยอดอ่อนถึงเพสลาดคือ  เพลี้ยไฟและโรคแคงเกอร์ ใช้ในระยะก่อนเก็บเกี่ยวไม่น้อยกว่า 2 เดือน
  • เนื่องจากมะนาว มีอายุผลประมาณ 5 เดือน สามารถเก็บขายได้ในเดือนที่ 6 การวางแผนการบังคับให้ออกนอกฤดู คือ ต้องทำให้ออกดอกเดือนตุลาคม เดือนกันยายนต้องงดปุ๋ย งดน้ำจนใบเหี่ยว สลด และหลุดร่วงประมาณ 50-60 เปอร์เซ็นต์ หลังจากนั้นให้น้ำตามปกติ ปุ๋ยเคมีที่ใช้เพื่อเปิดตาดอกในระยะนี้คือ ปุ๋ยสูตรที่มีตัวกลางสูง เช่น 12-24-12 หรือ 15-30-15 ปริมาณ 1 กำมือต่อวง รดน้ำให้ชุ่มเพื่อให้ปุ๋ยละลาย
  • หลังติดดอกแล้วให้น้ำตามปกติ

วิธีที่ 3

การใช้ต้นตอให้เกิดการสะสมอาหารและเกิดดอก

การเข้ากันไม่ได้สมบูรณ์ทำให้เกิดการสะสมอาหารและออกดอกนอกฤดู เช่น ใช้ต้นมะขวิดหรือต้นตอชนิดอื่น

แยมกล้วยผสมมะเขือเทศ
ส่วนผสม
กล้วยน้ำว้า 50 กรัม
เนื้อมะเขือเทศ 50 กรัม
น้ำสะอาด 200 กรัม
น้ำตาลทราย 150 กรัม
เกลือป่น 1 กรัม
เพคติน 4 กรัม
น้ำมะนาว 15 กรัม
วิธีทำ
ชั่งส่วนผสมตามสูตร
ปอกกล้วยและล้างมะเขือเทศคว้านเมล็ดออกเอาแต่เนื้อ
ปั้นกล้วยและปั่นมะเขือเทศกับน้ำสะอาดจนละเอียด(น้ำกล้วย+น้ำมะเขือเทศ)
ตั้งไฟน้ำมะเขือเทศจนเดือนจับเวลา 10 นาที
ผสมเพคติน เกลือ น้ำตาลทรายเข้าด้วยกันแล้วเติมส่วนผสมของเพคตินในน้ำกล้วย+น้ำมะเขือเทศ
คนให้ละลาย จับเวลา 20 นาที
เติมน้ำมะนาวจับเวลา 10 นาที
บรรจุใส่ภาชนะที่ลวกเสร็จใหม่ๆขณะแยมยังร้อน
แยมกล้วยผสมมะเขือเทศ
ส่วนผสม
  • กล้วยน้ำว้า 50 กรัม
  • เนื้อมะเขือเทศ 50 กรัม
  • น้ำสะอาด 200 กรัม
  • น้ำตาลทราย 150 กรัม
  • เกลือป่น 1 กรัม
  • เพคติน 4 กรัม
  • น้ำมะนาว 15 กรัม
วิธีทำ
  1. ชั่งส่วนผสมตามสูตร
  2. ปอกกล้วยและล้างมะเขือเทศคว้านเมล็ดออกเอาแต่เนื้อ
  3. ปั้นกล้วยและปั่นมะเขือเทศกับน้ำสะอาดจนละเอียด(น้ำกล้วย+น้ำมะเขือเทศ)
  4. ตั้งไฟน้ำมะเขือเทศจนเดือนจับเวลา 10 นาที
  5. ผสมเพคติน เกลือ น้ำตาลทรายเข้าด้วยกันแล้วเติมส่วนผสมของเพคตินในน้ำกล้วย+น้ำมะเขือเทศ
  6. คนให้ละลาย จับเวลา 20 นาที
  7. เติมน้ำมะนาวจับเวลา 10 นาที
  8. บรรจุใส่ภาชนะที่ลวกเสร็จใหม่ๆขณะแยมยังร้อน

ส่วนผสม
เนื้อมะเขือเทศ 90 กรัม
น้ำสะอาด 200 กรัม
น้ำตาลทราย 100 กรัม
เกลือป่น 1 กรัม
เพคติน 4 กรัม
น้ำมะนาว 10 กรัม
วิธีทำ
ชั่งส่วนผสมตามสูตร
ล้างมะเขือเทศคว้านเมล็ดออกเอาแต่เนื้อ
ปั่นมะเขือเทศกับน้ำสะอาดจนละเอียด(น้ำมะเขือเทศ)
ตั้งไฟน้ำมะเขือเทศจนเดือนจับเวลา 10 นาที
ผสมเพคติน เกลือ น้ำตาลทรายเข้าด้วยกันแล้วเติมส่วนผสมของเพคตินในน้ำมะเขือเทศ
คนให้ละลาย จับเวลา 20 นาที
เติมน้ำมะนาวจับเวลา 10 นาทีและเคียวต่อจนกระทั่งน้ำหนักสุดท้ายของผลิตภัณฑ์เหลือ 185 กรัม
บรรจุใส่ภาชนะที่ลวกเสร็จใหม่ๆขณะแยมยังร้อน

ส่วนผสม

  • เนื้อมะเขือเทศ 90 กรัม
  • น้ำสะอาด 200 กรัม
  • น้ำตาลทราย 100 กรัม
  • เกลือป่น 1 กรัม
  • เพคติน 4 กรัม
  • น้ำมะนาว 10 กรัม

วิธีทำ

  1. ชั่งส่วนผสมตามสูตร
  2. ล้างมะเขือเทศคว้านเมล็ดออกเอาแต่เนื้อ
  3. ปั่นมะเขือเทศกับน้ำสะอาดจนละเอียด(น้ำมะเขือเทศ)
  4. ตั้งไฟน้ำมะเขือเทศจนเดือนจับเวลา 10 นาที
  5. ผสมเพคติน เกลือ น้ำตาลทรายเข้าด้วยกันแล้วเติมส่วนผสมของเพคตินในน้ำมะเขือเทศ
  6. คนให้ละลาย จับเวลา 20 นาที
  7. เติมน้ำมะนาวจับเวลา 10 นาทีและเคียวต่อจนกระทั่งน้ำหนักสุดท้ายของผลิตภัณฑ์เหลือ 185 กรัม
  8. บรรจุใส่ภาชนะที่ลวกเสร็จใหม่ๆขณะแยมยังร้อน

ก่อนที่เราจะมาทำแยมผลไม้เพื่อสุขภาพกันนั้น เรามารู้จักส่วนผสมสำหรับทำแยมผลไม้เพื่อสุขภาพกันก่อนดีกว่า

กล้วยน้ำว้า

เป็นกล้วยพันธุ์หนึ่ง พัฒนามาจากลูกผสมระหว่างกล้วยป่ากับกล้วยตานี บริโภคอย่างแพร่หลาย ปลูกง่าย รสชาติดี อร่อยด้วย  กล้วยน้ำว้ามีธาตุเหล็กในปริมาณสูง ช่วยสร้างเม็ดเลือกแดง ป้องกันโรคโลหิตจาง  กล้วยน้ำว้ามีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินซีช่วยบำรุงกระดูกฟันและเหงือกให้แข็งแรง ช่วยให้ผิวพรรณดี  กล้วยน้ำว้ามีเบต้าแคโรทีน ไนอาซีนและใยอาหาร ช่วยให้ระบบขับถ่ายคล่อง  การกินกล้วยน้ำว้าจะช่วยระบายท้อง  กล้วยน้ำว้าดิบและห่ามมีสารแทนนิน เพคติน มีรสฝาดสมานรักษาอาการท้องเสียที่ไม่รุนแรงได้ โดยกินครั้งละครึ่งผลหรือ ๑ ผล อาการท้องเสียจะทุเลาลง นอกจากนี้จากการศึกษาวิจัยยังพบว่า มีผลในการรักษาโรคกระเพาะได้อีกด้วย

มะเขือเทศ

รูปร่างมีทั้งกลม ผิวนอกลีบเป็นมัน ผลดิบมีสีเขียวหรือเขียวอมเทา เมื่อสุกจะมีสีเหลือง สีส้มหรือสีแดง เนื้อภายในฉ่ำด้วยน้ำ มีรสเปรี้ยว เมล็ดมีเป็นจำนวนมาก  มะเขือเทศสามารถยังยั้งการเจริญเติมโตของเชื้อรา ดังนั้นจึงใช้เป็นยารักษาโรคที่เกี่ยวกับปากที่เกิดจากเชื้อรา  มะเขือเทศสามารถป้องกันและรักษาโรคลักปิดลักเปิด  มะเขือเทศมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ คือ ไลโคปีน มีคุณสมบัติลดการเกิดมะเร็งลำไส้และมเร็งต่อมลูกหมากได้  มะเขือเทศมีเบต้าแคโรทีน และฟอสฟอรัสมาก  มะเขือเทศมีกรดอะมิโนชื่อ กลูตามิค สูง ซึ่งกรดอะมิโนนี้เป็นกรดอะมิโนตัวเดียวกับที่อยู่ในผงชูรสด้วย  มะเขือเทศยังช่วยระบบย่อยและช่วยการขับถ่ายอุจจาระ  เราสามารถรักษาสิว สมานผิวหน้าให่เต่งตึง โดยใช้น้ำมะเขือเทศพองหน้า หรืออาจจะนำมะเขือเทศสุกฝานบางๆแปะบนใบหน้าจะช่วยให้ผิวอ่อนนุ่มได้

มะนาว

ผลมีรสเปรี้ยวจัด จัดอยู่ในสกุล ส้ม (Citrus) ผลสีเขียว เมื่อสุกจัดจะมีสีเหลือง เปลือกบาง ภายในมีเนื้อแบ่งกลีบๆ ชุ่มน้ำมาก  นับเป็นผลไม้ที่มีคุณค่า นิยมใช้เป็นเครื่องปรุงรสนอกจากนี้ยังถือว่ามีคุณค่าทางโภชนาการ  ในมะนาวมีปริมาณของกรดซิตริกมีความลำคัญต่อรสของผลิตภัณท์ประเภทแยมและยังช่วยให้เจลอยู่ตัวมากขึ้น แต่ถ้ามีกรดมากเกินไปก็จะทำลายความอยู่ตัวของแจลได้

แยม

ผลิตภัณฑ์ทำจากผลไม้กับสารที่ให้ความหวาน อาจผสมน้ำผลไม้หรือผลน้ำผลไม้เข็มข้นด้วยก็ได้ และทำให้มีความเหนียวพอเหมาะ  แยมประกอบด้วยส่วนของผลไม้ 45 ส่วนต่อน้ำตาล 55 ส่วน ต้มหรือเคี่ยวไปเรื่อยๆจนมีความเข้มข้นประมาณ 68.5-70 องศาบริกซ์ มีค่า pH 3.5  แยมอาจทำจากผลไม้ชนิดเดียวหรือหลานชนิดผสมกันก็ได้

น้ำตาล

เป็นตัวให้ความหวานและเนื้อแก่ผลิตภัณฑ์ และช่วยให้เพคตินตกตะกอนเป็นเจล  ปริมาณน้ำตาลที่ใช้ขึ้นอยู่กับปริมาณแพคตินและความเป็นกรดด่างของเนื้อหรือน้ำผลไม้ชนิดนั้นๆ ถ้าปริมาณแพคตินมาก ปริมาณน้ำตาลที่ใช้ต่อน้ำหนักของผลไม้ก็มากด้วย แต่ถ้าผลไม้มีความเป็นกรดสูง(เปรี้ยว)จะใช้ประมาณน้ำตาลน้อย

เพคติน

เพคติล ( pectin) เป็นสารละลายน้ำได้  เป็นสารที่สกัดจากผลไม้ เช่น เปลือกส้ม ส้มโอ เป็นต้น  เพคติลจะเกิดเป็นร่างแหในขณะที่ต้มน้ำตาลกับผลไม้ ทำให้เกิดเจลขึ้น ปริมาณเพคติลที่เติมลงไปขึ้นอยู่กับชนิดผลไม้ คือ ถ้าปริมาณเพคตินในผลไม้มากจำนวนเพคติลที่เติมลงไปก็น้อยหรืออาจไม่ต้อง ใช้เลยก็ได้

เกลือ

เป็นแร่ธาตุทางโภชนาการชนิดหนึ่ง โดยหลักแล้วคือโซเดียมคลอไรด์ ( เกลือแกง)  เกลือบริโภคสามารถผลิตได้จากน้ำทะเลหรือดินเค็ม เป็นเครื่องปรุงอาหารที่ให้รสเค็มที่มีมาตั้งแต่โบราณ สามารถใช้ถนอมอาหารได้