Citizen science อาสาสมัครนักวิทย์
โดย ปฐมสุดา อินทุประภา
Citizen science เป็นคำที่หลายคนอาจจะไม่คุ้นเคย เนื่องจากเป็นเรื่องที่ยังไม่แพร่หลายนักในเมืองไทยแต่ที่ต่างประเทศโดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และออสเตรเลีย Citizen science ถือได้ว่าเป็นเรื่องแพร่หลายและเป็นที่รู้จักกันดีของประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งครู นักเรียน และนักศึกษาในประเทศต่างๆ เหล่านั้น ก็จะมีโอกาสได้เข้าร่วมโครงการ Citizen science อยู่เสมอ แล้ว Citizen science นี่มันคืออะไรล่ะ
Citizen science เป็นคำที่ถูกนิยามขึ้นมาครั้งแรกประมาณกลางทศวรรษที่ 1990 โดย Rick Bonney ชาวอเมริกัน และ Alan Irwin ชาวอังกฤษ ซึ่งความหมายของ Citizen science ก็คือ การที่ประชาชนทั่วไปมาเป็นอาสาสมัครช่วยงานที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยวิทยาศาสตร์เช่น การสำรวจ การเก็บตัวอย่างข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูล โดยอยู่ภายใต้การควบคุมและดูแลจากนักวิทยาศาสตร์โดยตรง ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยให้ประชาชนทั่วไปได้มีส่วนร่วมในกระบวนการวิทยาศาสตร์ ทำให้เข้าใจถึงกระบวนการทางวิทยาศาสตร์รวมไปถึงผลกระทบและผลลัพธ์ของโครงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ตนได้มีส่วนร่วม ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว โครงการที่เป็น Citizen science ในต่างประเทศจะเป็นโครงการวิทยาศาสตร์ที่มีผลกระทบหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับชุมชนนั้นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ทั้งนี้นอกจากประชาชนทั่วไปจะได้รับความรู้แล้ว ในส่วนของนักวิทยาศาสตร์เองก็ยังอาจได้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มขึ้นจากเหล่า Citizen science ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่วิจัยอีกด้วย
โครงการ Citizen science นั้น แบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ
– ประเภทสนับสนุน (contributory) คือ ประชาชนจะมีหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนโครงการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์โดยการเป็นอาสาสมัครช่วยเก็บข้อมูลเท่านั้น
– ประเภทมีส่วนร่วม (collaborative) คือ ประชาชนจะมีส่วนช่วยทั้งในด้านการเก็บข้อมูล สำรวจ และวิเคราะห์ผล
– ประเภทช่วยออกแบบโครงการ (co-created) คือ ประชาชนจะมีช่วยนักวิทยาศาสตร์ตั้งแต่การออกแบบโครงการวิจัยบนพื้นฐานความต้องการของแต่ละชุมชน เพื่อเป็นการแก้ไขหรือหาคำตอบให้กับปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละชุมชน โดยประชาชนจะมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของการทำวิจัย
ตัวอย่างของโครงการ Citizen science หนึ่งที่ประสบความสำเร็จมากในประเทศออสเตรเลีย คือ โครงการ Marine Debris ซึ่งเป็นโครงการที่จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลออสเตรเลียกับกลุ่มภาคเอกชนในประเทศ เพื่อสร้างความตระหนักให้แก่ครูเกี่ยวกับเรื่องขยะบนชายหาด ซึ่งโครงการนี้เป็น Citizen science ประเภทมีส่วนร่วม (collaborative) คือ ให้ครูจากโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ ได้ทำการสำรวจขยะบนชายหาดในเมืองของตนว่า มีซากสัตว์และขยะประเภทใดบ้างที่ถูกทิ้งไว้บนชายหาด
จากนั้นครูก็จะต้องทำการแยกประเภทขยะ จัดทำสถิติ และหากมีซากสัตว์ที่ ตายครูก็จะต้องทำการผ่าพิสูจน์ซาก เพื่อหาสาเหตุการตายของสัตว์ดังกล่าวว่ามาจากการกินเศษขยะที่ตกค้างบนชายหาดเข้าไปหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดนี้จะอยู่ภายใต้การดูแลและควบคุมโดยนักวิทยาศาสตร์ โครงการนี้ทำให้ครูตระหนักถึงผลกระทบของมนุษย์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อม และเข้าใจกระบวนการทำวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้ชัดเจนขึ้น
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ครูที่เข้าร่วมโครงการนี้เตรียมที่จะประยุกต์โครงการนี้ ไปใช้ในการเรียนการสอนทางด้านวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมที่โรงเรียนในสังกัดของตนอีกด้วย
Citizen science จึงนับได้ว่า เป็นโครงการที่น่าสนใจและเหมาะสมที่จะมาประยุกต์ใช้ในประเทศไทย โดยเฉพาะในหมู่เยาวชนคนรุ่นใหม่ เพื่อเป็นการปลูกฝังให้เยาวชนไทยคุ้นเคยกับหลักวิธีการคิดแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทำให้เกิดทัศนคติที่ดีกับวิทยาศาสตร์ และสนใจเรียนในสาขาวิทยาศาสตร์เพิ่มมากขึ้น
บรรณานุกรม
Fletcher, J., 2013. Not Just a Load of Rubbish: Impact of Participation in Marine Debris Citizen Science Program on Primary and Secondary School Teachers. MSc. The University of Western Australia.
Roy, H. E., Pocock, M. J. O., Preston, C. D., Roy, D. B., Savage, J., Tweddle, J. C., & Robinson, L. D., 2012. Understanding Citizen Science & Environmental Monitoring. Final Report on behalf of UK-EOF: NERC Centre for Ecology & Hydrology and Natural History Museum, pp.1-170.
Trumbull, D. J., Bonney, R., Bascom, D., & Cabral, A., 2000. Thinking scientifically during participation in a citizen-science project. Science Education, 84 (2), pp.265-275.